เคล็ดลับแสนง่ายกำจัดกลิ่นภายในบ้านให้สะอาดสดชื่น หายใจได้เต็มปอด

ผ้าม่านเป็นของตกแต่งภายในบ้านที่สร้างความสวยงามแล้วยังช่วยกรองแสงแดดและบดบังสายตาจากผู้คนภายนอกไม่ให้มองเห็น สร้างความเป็นส่วนตัวให้กับสมาชิกในครอบครัวได้ด้วย เคล็ดลับในการดูแลผ้าม่านให้ใช้งานได้ยาวนานก็คือหากตำแหน่งของการติดตั้งผ้าม่านไม่ว่าจะหน้าต่าง ประตูโดนแสงแดดส่องทั้งวันล่ะก็อาจจะทำให้ผ้าม่านมีสีซีดจางเร็วขึ้น เราอาจจะใช้ผ้าม่านสีทึบหรือสีเข้มแล้วติดด้วยม่านโปร่งก็สามารถช่วยได้ 

ส่วนเรื่องการทำความสะอาดนั้นให้ทำเดือนละครั้งก็เพียงพอ อาจจะเริ่มจากการดูดฝุ่นโดยไล่จากบนลงล่าง แต่ถ้ารู้สึกว่าม่านสกปรกมากๆ ก็ให้ถอดออกมาซัก ยิ่งถ้าเป็นผ้าม่านใกล้ครัวก็อาจจะมีกลิ่นอาหารติดฝังอยู่แนะนำให้ถอดซักหรือไม่ก็หาสเปรย์จำกัดกลิ่นบนผ้ามาใช้ก็ช่วยให้ไม่มีกลิ่นอับได้

โซฟาเบดเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้งานบ่อยที่สุดชิ้นหนึ่งให้ห้องนั่งเล่นเลยก็ว่าได้ เพราะเป็นที่รวมตัวกันของคนในบ้าน นั่งดูทีวี รับแขก สารพัดกิจกรรม บางทีเด็กๆ ก็กินขนม ดื่มน้ำหวานหกเลอะเทอะ แถมยังมีสัตว์เลี้ยงขนปุกปุยน่ารักขึ้นมานอนขดบนนี้ด้วยอีก มีทั้งกลิ่นอับ แบคทีเรีย และเชื้อราเกิดขึ้นแน่นอน เอาเป็นว่าวิธีง่ายๆ ก็คือ ดูดฝุ่น ถ้าเป็นโซฟาผ้าที่ถอดซักได้ก็ให้นำมาซักมือ ไม่แนะนำให้ซักกับเครื่องซักผ้าเพราะอาจทำให้เสียรูปทรงได้ ส่วนโซฟาที่ไม่สามารถถอดซักได้ให้ใช้น้ำยาทำความสะอาดเบาะรถยนต์มาใช้ ซึ่งผลิตภัณฑ์ประเภทนี้มีกลิ่นหอมและช่วยกำจัดกลิ่นด้วย

พรมเป็นวัสดุปูพื้นตกแต่งที่สามารถสร้างบรรยากาศให้ห้องห้องนั้นเปลี่ยนไป แต่เวลาใช้งานไปนานๆ ไม่ดูแลทำความสะอาดก็เท่ากับว่าเรามีแหล่งเก็บเชื้อโรคและฝุ่นไว้ในบ้านเลยเชียวนะ เอาเป็นว่าควรดูดฝุ่นทำความสะอาดพรมอาทิตย์ละ 1-2 ครั้ง ถ้าให้ดีควรจะทำความสะอาดทุกวันยิ่งบ้านไหนมีสัตว์เลี้ยงก็ควรกำจัดฝุ่นออกไป

พยายามหลีกเลี่ยงอย่าทำให้พรมเปียกชื้น เพราะอาจทำให้มีกลิ่นเหม็นอับ วิธีการแก้ก็คือเปิดหน้าต่างระบายอากาศ นำเบกกิ้งโซดาโรยบนพรมแล้วปล่อยทิ้งไว้ 1 ชั่วโมง จากนั้นใช้เครื่องดูดฝุ่นดูดออกให้หมด 

ถ้าบ้านไหนมีพื้นที่ภายในที่มีแสงแดดส่องเข้ามาในตัวบ้านเยอะมาก ส่องเข้ามาถึงพรมที่เราปูเอาไว้ อาจทำให้พรมมีสีซีดจางง่าย ควรติดผ้าม่านบังแสงแดดเพื่อรักษาพรมให้มีสีสดใสเสมอกันตลอดทั้งผืน

ส่วนการทำความสะอาดพรมหากเผลอทำน้ำหวาน ชา กาแฟ หกและมีรอยเปื้อนให้รีบซับน้ำหรือสิ่งสกปรกนั้นด้วยผ้าแห้งทันที แต่ห้ามเช็ดถู เพราะจะยิ่งทำให้รอยเปื้อนเป็นวงกว้างมากขึ้น แล้วใช้ผลิตภัณฑ์เฉพาะทำความสะอาดพรมอีกครั้ง

ผ้าปูที่นอนรวมถึงผ้านวมเป็นอีกสิ่งสำคัญที่เราต้องให้ความสำคัญกับการดูแลและทำความสะอาด เนื่องจากสัมผัสกับผิวเราโดยตรง วิธีง่ายๆ ก็คือ อย่าซักผ้าปูที่นอนปนกับผ้าอื่นๆ เพราะจะทำให้ไม่สะอาดดีไม่ดีเสื้อผ้าที่มีตะขอหรือซิปเกี่ยวให้ผ้าปูขาดได้ ส่วนการตากนั้นตากในที่มีแสงแดดอ่อนๆ และมีลมพัดผ่านก็เพียงพอแล้วไม่ต้องใช้แดดจัดเพราะทำให้ผ้าซีดจางไม่น่าใช้งาน หมั่นเอาหมอนหนุนมาตากแดดฆ่าเชื้อแบคทีเรียอาทิตย์ละครั้งก็ช่วยไม่ให้เกิดกลิ่นอับแถมยังปลอดภัยต่อผู้นอนด้วย

อย่ามองข้ามการทำความสะอาดพรมเช็ดเท้าด้วยนะ เพราะบริเวณนี้ก็เป็นอีกแหล่งสะสมแบคทีเรียและเชื้อโรคมากมาย เมื่อเราเช็ดเท้าก็จะทำให้เท้าของเราไม่สะอาดแถมสกปรกมากกว่าเดิม เนื่องจากคราบสกปรกที่พรมเช็ดเท้าติดมานั่นเอง วิธีง่ายๆ ก็คือ เคาะเศษฝุ่นผงออกจากผ้าแล้วโรยด้วยผงซักฟอกแต่ไม่ต้องราดน้ำให้ใช้แปรงขัดบนพรมไปเลย จากนั้นดูดด้วยเครื่องดูดฝุ่นอีกครั้ง แต่ถ้ารูึสึกว่าพรมเช็ดเท้าสกปรกมากให้ใช้น้ำยาทำความสะอาดพรมซักแล้วล้างด้วยน้ำสะอาดผึ่งแดดให้แห้ง แค่นี้ก็ได้พรมเหมือนใหม่แล้ว

วิธีง่ายๆ ในการดูแลเสื้อผ้าก่อนเราจะนำไปซักนั้นต้องดูป้ายฉลากบนเสื้อผ้าก่อนซัก เพราะเสื้อผ้าบางตัวอาใช้น้ำร้อนหรือน้ำเย็นโดยเฉพาะ หรือไม่ก็ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลดกลิ่นอับควบคู่ไปด้วย ที่สำคัญต้องตากผ้าในที่ที่มีอากาศถ่ายเท มีแสงแดดส่องถึงและมีลมพัดผ่านเพื่อช่วยไม่ให้เสื้อผ้ามีกลิ่นอับชื้น 

หลังจากซักแล้วก็ควรรีดและเก็บไว้เป็นหมวดหมู่เพื่อจะได้หยิบใช้ง่ายและไม่ควรแขวนเสื้อผ้าให้ดูแน่นเกินไป เพราะจะทำให้เสื้อผ้ายับไม่น่าใส่ได้ ซึ่งไอเดียนี้การจัดเก็บแบบนี้ออกแบบโดยสถาปนิกจาก VALENTIROV&PARTNERS เป็นห้องแต่งตัวที่น่าใช้งานมากเลยใช่มั้ยล่ะ